วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ภารกิจที่ 2: 4P's in เชียงใหม่

สวัสดีครับ หลังจากหมดภารกิจต่างๆทั้ง 8 ภารกิจไปแล้ว ก็ได้เวลามานั่งอัพเดท มุมมองในฐานะผู้เข้าแข่งขันของผม กับ รายการ เกมกลยุทธ์ ปี 2 ในภารกิจที่ 2 กันเสียที

โดยภารกิจคร่าวๆก็คือ การไปตั้ง บูทจำหน่ายสินค้าที่ ถนนคนเดิน (ท่าแพ) จังหวัดเชียงใหม่ โดยสินค้าที่ ต้องนำไปขายคือ Baby Mild, Exit และ 12Plus  โดยใช้กลยุทธ์ 4P's

ผมคงจะไม่เล่ารายละเอียด ที่มีอยู่แล้ว บนเทป ทีฉายในทีวีนะครับ เพราะมันจะถือเป็นการซ้ำซ้อนจนเกินไป จะพยายามเน้นในส่วนที่ไม่มีในเทป ผ่านมุมมองของผมนะครับ

เอาล่ะ เริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มต้นที่การสลับขั้วหัวหน้า ซึ่งฝนจากทีมหญิง เป็นผู้ได้รับ jackpot ต้องย้ายมาอยู่ในทีมชายหนุ่มรูปงาม (อิอิ) ที่เหลืออยู่ 4 คน โดยตัวผมเอง กำลังมี passion ว่า จะต้องชนะเนื่องจาก ต้องการพิสูจน์ว่า ทีมชายคือทีมที่ชนะในภารกิจแรก 

เอาล่ะ พูดกันตามตรง ในตอนนั้น เสียดิวไป ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน แถมไม่รู้ว่า อีท่าไหนน้ำฝนถึงได้โดนโหวตออก ก็เลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่สิ่งแรกที่น้ำฝนทำ หลังจากกลับเข้ามาที่ห้องของทีม ก็คือ ถามครับว่า ใครถนัดอะไร จะได้แบ่งงานถูก เออ แฮะ ตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม ไม่ต้องเกรงใจด้วย เลยรู้สึกว่า น่าจะทำงานเข้ากันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

อีกทั้ง ทีมผมค่อนข้างโชคดีเลยล่ะครับ เพราะฝนเอง จะต้องกลับไปที่ เชียงใหม่อยู่แล้ว (รับภารกิจวันจันทร์ ปฏิบัติภารกิจจริง วันอาทิตย์) เพราะฉะนั้น เลยทำให้เรา มีหน่วยภาคสนาม มาช่วยเตรียมงาน 

เอาล่ะ ทีนี้มาดูโจทย์ในส่วนที่ทางรายการไม่ได้ตัดออกมากันดีกว่าว่า ใช้อะไรเป็นการตัดสินบ้าง การตัดสินถูกแบ่งออกเป็น 50-50 โดย 50 คะแนนแรก มาจากคะแนนแผนกลยุทธ์ (โดยยึดหลัก 4P) เน้นที่ Brand Penetration และ Brand Coverage กับ 50 คะแนนหลัง มาจากคะแนน ผลประกอบการ โดย แบ่งเป็น ยอดขาย 70% และ กำไร 30%

ตัวผมเอง ก็ค่อนข้าง "งง" ครับ ไม่รู้จักเลยว่า Brand Penetration กับ Brand Coverage คืออะไร แต่ตัวแรกพอเดาออกคือ ขายให้ได้เยอะเพื่อให้ brand นั้น ไปกินส่วนแบ่งการตลาด (เหมือน Market Penetration) แต่ Brand Coverage นี่ ทางทีมคิดว่า น่าจะเป็นการเลือก SKU ของสินค้าให้หลากหลาย แต่ผมดันไปคิดว่า Coverage น่าจะหมายถึงความกว้างในการกระจาย Brand ของเรา (ซึ่งผมคิดผิด ฮ่าๆ)

เมื่อได้รับรู้โจทย์ทั้งหมดมาแล้ว ทางทีมก็ได้ตกลงกันว่า เราจะมีการไปทำการบ้านกันก่อนว่า ถนนคนเดิน เป็นอะไร ยังไง มีอะไรที่ไหน ขายอะไร บ้าง

สืบทราบมาดังนี้ครับ:

ข้อมูลทั่วไป

คนเดินต่ออาทิตย์ 50,000 คน
จำนวนร้านค้า 3,000 ร้าน

คนท้องที่ หรือ จังหวัดใกล้เคียง 50%
คนท่องเที่ยว 30%
ต่างชาติ 20%

Element:
ถนนคนเดินสินค้าพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ล้านนา
ท้องถิ่น พื้นเมือง
ของฝาก ของกิน เครื่องเงิน
ศิลปิน จิตรกรรม ดนตรี รูปวาด วาดรูปเหมือน
เมื่อยขา ร้อน เหงื่อออก

อันนี้ส่วนตัวนะครับ ส่วนตัว ในตอนแรก ผมเองมองไม่ออกจริงๆครับว่า เอ๊ะ ไอ้สินค้าทั้งหลายเนี่ย (โรลออน แป้ง สเปรย์) มันจะไปขายที่ถนนคนเดินได้ยังไง แทบจะไม่เกี่ยวเลย ถนนคนเดิน เน้น ของพื้นเมือง ของถูก ของกิน เครื่องเงิน คิดเลยครับว่า ภารกิจนี้ ยากไม่ใช่เล่น

กลับมารอบแรก เราประชุมทีมกันผ่าน MSN กัน 2 วันครับ เป็นการประชุมที่ดีเยี่ยมทีเดียว โดย พี่ติก ดีเจ บู๋ และ ผม เป็นผู้โยนความคิดมากมายเข้าสู่กลุ่ม ส่วนฝน ไม่ได้เน้นโยนความคิด แต่เน้นเป็นคนสรุป จับประเด็น ขับเคลื่อน และ ควบคุม ให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น

และ พี่ติก (สุดเทพ) ก็ได้ออก Key campaign ออกมา ช่วยให้ทีมสามารถ ทำงานโดยมีแกนไอเดียง่ายขึ้น นั่นก็คือ มาพร้อมกับ campaign ที่ว่า ม่วนใจ๋ ฮ้อมหอม ถู้กถูก

ม่วนใจ๋ = สนุก, รู้สึกดี คนเดินถนนคนเดิน มาเพื่อความสนุกในการจับจ่าย, สินค้าทั้ง 3 เป็นสินค้าที่ใช้แล้วรู้สึกม่วน

ฮ้อมหอม = หอม คือ ประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 3  brand ที่มีเหมือนกัน

ทู้กถูก = จุดสำคัญของถนนคนเดิน

ได้ยินครั้งแรก โอ้โห โดนครับโดน เลยทำให้งานและไอเดียต่างๆง่ายขึ้น  เอาล่ะ ได้ไอเดียแล้ว มาดู แกน 4P's ที่เราคิดกันมาไหมครับ

Product เน้นสินค้าที่ เพิ่มมูลค่า โดยขายพร้อมกับสินค้าพื้นเมือง เช่น กระเป๋าใบเล็กๆ, เน้นสินค้าที่กำลังโปรโมทอยู่, เน้นสินค้าเพื่อเข้ากับ theme สงกรานต์, และสินค้าเกี่ยวกับปัญหาที่ลูกค้าจะต้องเจอในถนนคนเดิน เช่น หน้ามัน (โฟมล้างหน้า)  โดยสินค้า เลือกมาเยอะมากครับ เน้นใช้การโหวตด้วยเหตุผลของแต่ละคนในทีม เพื่อเลือก SKU สินค้าที่ทางทีมต้องการนำมาจำหน่าย โดยเลือกมาร่วม 25,000 บาทเลยทีเดียว

Price แน่นอนครับ ถูก ถูก ถูก แต่ถูกอย่างเดียว ได้ที่ไหน ต้องถูกกันอย่างมีชั้นเชิง ฉะนั้น เราเลยต้องมีการศึกษาราคาตามสถานที่ต่างๆ เช่น โลตัส ท๊อปส์ คาร์ฟูร์ ครับว่า สินค้าตัวไหน ราคาเท่าไหร่ แล้วดูตั้งราคาตามความเหมาะสม โดย มีการตั้งราคาแบบราคาหน้าร้าน และ ราคาตามจังหวะเวลา นาทีทอง ของดีเจ (ราคาถูกแบ่งเป็น B2B และ B2C ด้วยครับ margin บางๆ แต่เน้นยอดขาย) 

Place ร้านค้าทุกร้านนะครับ สิ่งสำคัญ 3 สิ่งแรกในการตั้งร้านค้าคือ Location Location Location ทีมมีความเห็นคล้อยตามหัวหน้าทีมครับว่า แยกไหน คนเยอะ เอาแยกนั้นแหละ

นอกจากนั้นแล้ว ภารกิจเริ่มตั้งแต่ 15.00 แต่ถนนคนเดินปิดไม่ให้รถเข้า ก็เกือบ 17.00 ก็เลยงงๆว่า อ้าว ตั้งบูธไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ แล้วจะเอาเวลานั้นไปทำอะไร เราก็เลยคิดแผนกันครับว่า ช่วงเวลานั้น จะหาลูกค้าที่เป็นร้านค้าแถวนั้น เข้ามาซื้อของกับเรา เนื่องจาก ฝนไปสืบทราบมาว่า ร้านค้าส่วนใหญ่ไปซื้อของผ่าน Makro และ ราคาของ Makro ก็ไม่ได้ถูกไปกว่าราคาทุนของเรา ทำให้เราสามารถขายในราคาใกล้เคียงกับ Makro ได้ ซึ่งถ้าสามารถ convince ให้ทางร้านค้านั้น วิ่งเข้ามาซื้อของในบริเวณ บูธของเรา ก็จะถือว่า ไม่ผิดกฎแต่อย่างใด (กฎแบบเป๊ะๆคือ : กำหนดให้กิจกรรมการขายเกิดขึ้นได้เฉพาะที่ร้านเท่านั้น) 

ในช่องทางการขายเองก็มีรายละเอียด ยิบย่อยลงไปอีกครับว่า ในบูธ จะถูกแบ่งโซนออกเป็น 3 โซนในตอนแรก คือ 1 โซนเกม 2 โซนขายหน้าร้าน ขายโดย pretty ที่จ้างมา ขอบคุณหมูปิ้งอีกครั้งครับ (น่ารักดี อิอิ) 3 โซนนาทีทอง และ กิจกรรมการแสดง

Communication อันนี้งานถนัดพี่ติก ไอเดีย พร่างพรูมากมาย แต่แกนหลักคือ เน้นให้คนมาที่บูธ และ สร้าง Brand Penetration วิธีหลักๆ มีดังนี้ครับ

ส่ง Brand Ambassdor ออกไป ใส่หน้ากาก มาริโอ้ ซีวอน แล้วเดินแจกซองจดหมายสีชมพู พร้อม โบรชัวร์

วางป้ายตามร้านน้ำ ใส่ message ว่า "ร้อนนัก พักตรงนี้ 12 พลัส ทุกชิ้น ลดสูงสุด 50% ที่ บูธม่วนใจ๋"

นอกจากนั้นยังมีการสร้าง product tie in ลงไปกับทีมนักเต้นจากโรงเรียนสอนเต้น Dance Zone (ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) ที่ทางดีเจติดต่อตั้งแต่อยู่กรุงเทพ เพื่อให้มาเต้น โชว์ในงาน เมื่อเต้นเสร็จก็ให้ฉีด exit เพื่อสร้างภาพสินค้า

ภายในบูธ ก็มีการตกแต่ง โดยใช้ อุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ที่ทาง โอสถสภาจัดมาให้ และ มี LCD TV เพื่อเปิดโฆษณาของทั้ง 3 Brand เืพื่อสร้างบรรยากาศของสินค้าด้วยครับ

อีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างสีสันภายในบูธ คือ การสร้างกิจกรรม เพื่อชิงรางวัลส่วนลด และ voucher รางวัลจากร้านค้าต่างๆ ภายในจังหวัดเชียงใหม่ (เช่นร้านเค้ก ร้านอาหาร)

โดยกิจกรรมการเล่น ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ปากระป๋อง กับ กดเลขส่วนลด

เแผนคร่าวๆ ก่อนไปเชียงใหม่เป็นแบบนี้ แต่ถึงเชียงใหม่จริง แผนก็ยังคงถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ

วันแรกที่เชียงใหม่

เมื่อถึงเชียงใหม่ ทีมก็มีการแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ โดย Leader ฝน ที่ทำหน้าที่ในการแบ่งให้ทีมทำหน้าที่ต่างๆกัน โดย พี่ติก กับ จิ๊บ ทำหน้าที่ถนัด คือ เตรียม present ทางดีเจ และ บู๋ ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานเพื่อ ขอ voucher รางวัล และ ติดต่อร้านค้า เพื่อขายของ โดยตัวฝนเองไปเลือกสถานที่อย่างที่เห็นในเทป นอกจากนั้น ผมกับดีเจเอง ก็นั่งคุยกันเรื่องเกี่ยวกับการตั้งราคาในช่วงนาทีทอง

ในระหว่างพรีเซนต์ ก็ พรีเซนต์ตามแผนที่เขียนไว้ในเทปนั่นแหละครับ ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปจัดการเรื่อง voucher และ ร้านค้า

นอกจากนั้น ช่วงกลางคืน ทีมเราก็ได้มีการไปเดินสำรวจ ถนนวัวลาย ซึ่งเป็นถนนคนเดินอีกแห่งหนึ่ง เพื่อดู และ เลือกซื้อสินค้า ที่จะนำมาใช้ทำเป็น promotion

หลังจากนั้นก็กลับห้องพักผ่อน เก็บแรงสำหรับวันต่อไป โดยผมคุยกับดีเจ และ บู๋ว่า ผมยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ รู้สึกว่า แผนยังไม่แน่นเท่าที่ควร แต่ตอนนั้น ในทีมยังไม่มีใครคิดอะไรออก

วันแข่งจริง

ทางทีมก็มีการแบ่งงาน ออกเป็นส่วนๆ เหมือนเดิม คือ พี่ติก กับ จิ๊บ จัดการเรื่อง แผนราคา, ของตกแต่งบูธ, หน้ากาก, ซองจดหมาย, โบร์ชัวร์ ฯลฯ ส่วน ฝน ดีเจ บู๋ ทำหน้าที่ต่อเนื่องจากเมื่อวาน คือ  voucher และ ติดต่อร้านค้า โดย บู๋ เอง ติดต่อขอ voucher ได้รวมกันเป็นเงิน น่าจะร่วมๆ หมื่นบาทเลยทีเดียว ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นค่อนข้างมาก

เอาล่ะครับ ถึงเวลาทำงานจริงแล้ว ระหว่างเดินทาง หลังจากมีการวางแบบ บูธคร่าวๆเพื่อทำความเข้าใจสุดท้าย ทำให้เราเล็งเห็นว่า เรายังมีพื้นที่อยู่ส่วนหนึ่งที่หลงเหลืออยู่และไม่ได้ใช้ทำอะไร (เนื่องจากเราอยู่ตรง 4 แยก แต่ใช้แค่ 3 โซน) ทางดีเจเอง เลยเสนอว่า ทำไมไม่แบ่ง สินค้าส่วนหนึ่ง มาขายที่ตรง โซนที่เหลืออยู่ แต่ไม่ได้ขายบนโต๊ะ เหมือนกับ หน้าร้านที่ตั้ง เพื่อแสดงสินค้าพร้อม pretty แต่ เน้นวางบนพื้น วางบนผ้า สินค้าจะไม่ถูกเอามาจัดเรียงความสวยงาม แต่ จะถูกเอามาทั้งๆ ในกล่อง สร้างสภาพความถูก ทำให้เราได้ครบตาม campaign ม่วนใจ๋ ฮ้อมหอม ทู้กถูก แล้วครับ (แน่นขึ้นเยอะ)

เมื่อถึง สถานที่จริง ทีมก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนอีกครั้ง คือ พี่ติก บู๋ และ จิ๊บ จัดการเกี่ยวกับการตั้งบูธ ดีเจ และ ฝน ก็ไปทำอย่างที่เห็นกันในเทปคือ เราไม่สามารถ ดึงคนมาเพื่อซื้อสินค้าได้ตามแผนที่ตั้งใจไว้ เราก็เลยต้องไปส่งทางเขาแทน แล้วเก็บเงิน ก็เลยผิดกติกา แต่ไม่เป็นไร ผิดก็ผิด 

หลังจาก ดีเจ กับ ฝน กลับมา ทางทีมก็แบ่งงานกันอีกครั้งหนึ่ง ฝนเป็นคน observe บูธ ในฐานะหัวหน้า และ คนดูแล ฝั่งแบกะดิน พี่ติกดูแล communication คุมทีมเด็กๆไปแจก โบร์ชัวร์ และ วางป้าย บู๋ดูแลโซนเกม และ การแจกรางวัล ดีเจ ผู้จัดการเรื่อง กิจกรรม และ นาทีทอง จิ๊บเป็นผู้รับผิดชอบ หน้าร้านขายบนโต๊ะ

ระหว่างการทำงานก็อย่างที่เห็นในเทปนั่นแหละครับ แต่ผมจะยกสิ่งที่เป็นข้อดี และ สิ่งที่ควรปรับปรุงมาเพื่อเป็นการสรุป สำหรับภารกิจที่ 2 ก็แล้วกันครับ

ข้อดี

1.ทีมทำงานกันได้คล่องแคล่ว เปลี่ยนรายละเอียดกันแทบจะตลอด ยกตัวอย่างง่ายๆคือ บู๋มีการย้ายบูธเกม มาทางข้างหน้าเพื่อทำดึงดูดความสนใจให้มากขึ้น, การเต้นมาบังหน้าร้านขาย เนื่องจาก มีพื้นที่ให้เต้นมากกว่า ผมกับดีเจก็ทำการเปลี่ยนทันที เอาร้านขายไปอยู่อีกฝั่ง แล้วให้พื้นที่กิจกรรมมากขึ้น, 

2. คนช่วยเพียบ แทบจะไม่เหนื่อยเลยครับ วิ่งไปวิ่งมา คิดแผนอย่างเดียว

3. แผนหลักทำงานได้เกือบครบ นอกจากนั้น ก็ปรับแผนได้อย่างดีเยี่ยม

ข้อเสีย

1.การเตรียมอุปกรณ์บางอย่าง ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร คือ ลำโพง และ เครื่องเีสียง ไม่ได้ตรวจสอบก่อนมา ทำให้ระหว่างเต้นแทบจะไม่ได้ยินเสียงดนตรี หรือ การมีอุปกรณ์บางอย่างแต่ไม่ค่อยได้ใช้ เช่น วิทยุสื่อสาร (แหะๆ)

2.เตรียมแผนบางอย่างมา แต่ไม่ได้ใช้ เพราะลืม เช่น ซองชมพู ของ Babi Mild

3. ไม่ได้ต่อยอด การใช้ campaign ให้เต็มที่ ที่เห็นได้ชัดก็เรื่อง สงกรานต์ อย่างที่กรรมการ comment มาน่ะครับ

4. ขาดการวางเวลาที่แน่นอนของกิจกรรม (จริงๆ บู๋เขาวางเวลาคร่าวๆแล้ว แต่ไม่ได้มีใครนำไปใช้ น่าเสียดายครับ) ทำให้บางครั้ง เกิดการโดนดึงความสนใจโดย กิจกรรมเต้น หรือ กิจกรรมนาทีทอง

เอาล่ะ นอกจากนั้น ก็เป็นเรื่อง ที่มีข้อโต้แย้งมาว่า โดนปรับ 5,000 บาท ทำไมโดนปรับเงิน ไม่ปรับแพ้ แล้ว ขายแค่ 5,000 จริงๆหรือ

เอาล่ะครับ ผิดกติกา หรือ ไม่ ก็ิผิดครับ แต่ครั้งนี้ ต่างกับการโดนปรับแพ้ในเทปแรกก็คือ เทปแรก คุณผิด กติการอย่างร้ายแรง ทำให้เกมไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ (เหมือนกับเล่นบอล แล้วอยู่ๆ เลิกเล่น, Walkout หรือ คุณขับรถชนตำรวจ) 

แต่เทปนี้ ถือเป็นการผิดกติกาแบบ ใบเหลือง หรือ ใบแดง หรือ ขับรถฝ่าไฟแดง ซึ่ง ก็ต้องโดนหักคน หักคะแนน ตามปกติ

เงิน 5,000 นี้ ไม่ได้มาจากการมั่วนะครับ แต่มาจาก ยอดรวมของยอดขายโดยรวบรวมจาก ใบส่งของที่ทำเป็น invoice ขึ้นมา แต่ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าทีมงานเช็คยังไง

เอาล่ะครับมาถึงช่วงสุดท้ายแล้วนะครับ

ทีมนี้ที่เชียงใหม่ ถือเป็นทีมที่ค่อนข้างสมบูรณ์ คือ มีผู้บริหาร ที่ไม่ต้องลงมือทำเอง แต่แบ่งงานทำ (ฝน), มีสุดยอดนักคิดนอกกรอบ ด้านการขายและบันเทิง (ดีเจ) ด้านการสื่อสาร และ concept (พี่ติก), หน่วยติดต่อประสานงาน และควบคุม (บู๋), หน่วยคิดวิเคราะห์ (และ นำเสนอ อิอิ) (จิ๊บ) นอกจากนั้น ทีมยังมีสิ่งที่เรียกว่า ความจริงใจ และ สปิริตที่ดีมากครับ ทำให้ทีมเดินหน้าไปได้อย่างดีเยี่ยม 

ผมบอกตามตรงนะครับ เทปนี้ เป็นอีกเทปที่ถ้าถามว่าจะโหวตใครออก ผมคิดไม่ออกอีกแล้วครับ - -"

ก็จบของ ภารกิจที่ 2 เพียงเท่านี้นะครับ ภารกิจ 3 จะมาในเร็วๆนี้ อดใจรอนะครับ